การซื้อรถมือสองไม่ใช่แค่การเลือกรถที่ถูกใจหรือราคาคุ้มค่าเท่านั้น เพราะรถมือสองเป็นรถที่ “ผ่านการใช้งานมาก่อน” จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงแฝงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องประวัติรถที่ไม่ชัดเจน เพราะรถมือสองบางคันอาจมี “ประวัติซ่อนเร้น” ตั้งแต่การชนหนัก การสวมทะเบียน ไปจนถึงรถติดไฟแนนซ์โดยไม่รู้ตัว การเช็กประวัติรถมือสองจึงเป็นขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อให้คุณมั่นใจว่ารถที่เลือกปลอดภัยและคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
การรู้เท่าทันและตรวจสอบประวัติรถมือสองอย่างละเอียด ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถคันที่กำลังจะซื้อ ปลอดภัย โปร่งใส และคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไปจริง ๆ
รวม 4 วิธีเช็กประวัติรถมือสองก่อนตัดสินใจซื้อ
การเช็กประวัติรถมือสองเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อ ที่จะช่วยให้เราทราบประวัติจริงของรถทั้งด้านทะเบียน การซ่อมบำรุง และประวัติการเคลมประกัน
1. ตรวจสอบจากเล่มทะเบียนรถ (เล่มเขียว)
เริ่มจากวิธีพื้นฐานที่สุดและสำคัญที่สุดในการตรวจสอบประวัติรถมือสอง คือการดู “เล่มทะเบียนรถ” หรือ “เล่มเขียว” ตัวจริงจากเจ้าของรถหรือผู้ขาย เพราะเอกสารนี้เปรียบเสมือนบัตรประชาชนของรถยนต์
ข้อมูลในเล่มเขียวที่ต้องตรวจสอบ:
- หน้าแรก: ตรวจสอบรายละเอียดของรถในหน้านี้ว่าตรงกับตัวรถหรือไม่ ได้แก่ เลขตัวถัง, เลขเครื่องยนต์, ยี่ห้อ, รุ่น, สี, และประเภทรถ (รย.1, รย.2, ฯลฯ)
- หน้าการโอนกรรมสิทธิ์: ควรตรวจสอบประวัติว่ามีการเปลี่ยนเจ้าของมาแล้วกี่ครั้ง เพราะหากพบว่ามีการเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ นั่นอาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ
- หน้ารายการเสียภาษี: ตรวจสอบว่ามีการต่อภาษีรถยนต์ต่อเนื่องทุกปีหรือไม่ หากขาดการต่อภาษีเกิน 3 ปี รถจะถูกระงับการจดทะเบียน ซึ่งอาจทำให้โอนกรรมสิทธิ์ลำบากและยุ่งยากขึ้น
- หน้ารายการบันทึกของเจ้าหน้าที่: ดูประวัติบันทึกการเปลี่ยนแปลงสำคัญของรถ เช่น การเปลี่ยนสี, การเปลี่ยนเครื่องยนต์, หรือการแจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว ข้อมูลเหล่านี้จะบ่งบอกถึงประวัติการใช้งานและสภาพของรถได้
2. ตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบก
อีกหนึ่งวิธีเช็กประวัติรถมือสองที่น่าเชื่อถือคือ ให้เจ้าของรถนำเอกสารไปตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อยืนยันว่ารถไม่มีปัญหาความเป็นเจ้าของหรือถูกอายัดไว้ เนื่องจากข้อมูลทะเบียนรถถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของโดยตรงจะไม่สามารถขอตรวจสอบได้เอง แต่สามารถให้เจ้าของรถดำเนินการแทนและแสดงหลักฐานการตรวจสอบได้ ขั้นตอนนี้ช่วยยืนยันความถูกต้องของเอกสาร และป้องกันความเสี่ยงจากการซื้อรถที่ถูกสวมทะเบียนหรืออยู่ในระหว่างคดีความ

3. ตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงกับศูนย์บริการ
หนึ่งในจุดสังเกตสำคัญของการตรวจประวัติรถมือสองคือ ดูว่ารถคันนั้นผ่านการบำรุงรักษาตามระยะหรือไม่ โดยขอให้ผู้ขายนำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการของยี่ห้อนั้น ๆ หากพบว่าเลขไมล์บนหน้าปัดรถ “ต่ำกว่า” ข้อมูลที่บันทึกไว้ในศูนย์บริการ แสดงว่ารถอาจมีการ “กรอไมล์” ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ควรหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้ยังสามารถดูได้ว่ารถมีการซ่อมใหญ่หรือเปลี่ยนอะไหล่สำคัญบ่อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยประเมินสภาพเครื่องยนต์และความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจซื้อได้อย่างดี
4. ตรวจสอบประวัติการเคลมประกัน
อีกหนึ่งขั้นตอนที่หลายคนมักมองข้ามคือ ตรวจสอบประวัติรถมือสองผ่านบริษัทประกันภัย โดยสามารถขอให้ผู้ขายโทรศัพท์สอบถามว่ารถเคยมีประวัติการเคลมอุบัติเหตุร้ายแรงหรือไม่ เช่น การชนหนักหรือพลิกคว่ำ รวมถึงรายละเอียดการซ่อมแซมที่ผ่านมา การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่ารถไม่มีความเสียหายซ่อนเร้น และไม่ใช่รถที่ผ่านการซ่อมโครงสร้างขนาดใหญ่

ยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ สามารถขอเช็กประวัติรถมือสองที่กรมขนส่งได้ไหม?
หากยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ จะไม่สามารถขอเช็กประวัติรถมือสองที่กรมขนส่งทางบกได้โดยตรง เนื่องจากข้อมูลทะเบียนรถถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล กรมขนส่งฯ จะเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น เจ้าของรถ ผู้รับมอบอำนาจ หรือในกรณีที่ใช้ประกอบคดีความเท่านั้น
ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ซื้อควรขอให้เจ้าของรถ ศูนย์จำหน่ายรถมือสองหรือเต็นท์รถมือสอง ดำเนินการตรวจสอบให้ พร้อมแนบหลักฐานการตรวจสอบมาเป็นเอกสารประกอบการซื้อขาย
เช็กประวัติรถมือสองออนไลน์ทำได้ไหม?
ปัจจุบันยังไม่มีระบบที่ให้ประชาชนทั่วไปตรวจสอบประวัติรถมือสองออนไลน์ได้โดยตรงจากกรมการขนส่งทางบก แต่สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ของดีลเลอร์หรือเว็บไซต์ขายรถมือสองบางแห่ง ที่มีระบบตรวจเช็กประวัติ เช่น ประวัติการชน การซ่อม และเลขไมล์จากฐานข้อมูลของศูนย์บริการ อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้ควรใช้เพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันได้ 100%
จะเห็นได้ว่า “การเช็กประวัติรถมือสอง” เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะช่วยป้องกันการได้รถที่มีปัญหาซ่อนเร้น ทั้งในเรื่องทะเบียน ไมล์ปลอม หรืออุบัติเหตุร้ายแรง การตรวจสอบผ่าน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ เล่มทะเบียน กรมการขนส่ง ศูนย์บริการ และบริษัทประกันภัย จะช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า รถที่เลือกมีประวัติชัดเจนและปลอดภัย
สำหรับใครที่กำลังมองหารถมือสองคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นนิสสันมือสอง หรือรถญี่ปุ่นรุ่นยอดนิยมอื่น ๆ การเลือกซื้อจากศูนย์จำหน่ายที่มีมาตรฐานและผ่านการตรวจสอบประวัติอย่างรอบด้าน คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในทุกการตัดสินใจ
Drive Sure คือศูนย์จำหน่ายรถมือสองที่รวบรวมรถหลากหลายรุ่นไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Toyota มือสอง, Nissan มือสอง หรือ Honda มือสอง ทุกคันผ่านการตรวจเช็กสภาพอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่โครงสร้างเครื่องยนต์ ไปจนถึงประวัติการใช้งาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถทุกคันจาก Drive Sure มีความโปร่งใส ปลอดภัย พร้อมใช้งานจริง และได้มาตรฐานที่เชื่อถือได้